เริ่มต้นการเดินทางจากจังหวัดอำนาจเจริญ บ้านเกิดนะค่ะ หากใครจะมาเทียวก็แนะนำพักที่ โรงแรมฝ้ายขิดบริการดีและที่พักสะอาด มุ่งหน้า เข้าสู่จังหวัดมุกดาหารด้วยระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร เริมต้นของทริปนี้โดยการไปพักค้างคืนที่โรงแรมแกรนด์โอเทล โดยเส้นทางจากจังหวัดมุกดาหารเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เรียกเส้นทางนี้ว่า R9 ซึ่งเป็นเส้นทางหลักของการเชื่อมต่ออาเซียนคือไทยสู่ประเทศ CLMV และจีน ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มประเทศ กัมพูชา , ลาว , พม่า ,เวียดนาม และ จีน
โดย Part I นี้ปริมจะพาข้ามจากด่านสะหวันเขตของประเทศลาว เข้าสู่ ประเทศเวียดนาม ส่วน Part II จะข้ามไปถึงจีนกัน
มาดูรูปประกอบการเดินทางกันเลยดีกว่าค่ะ
โรงแรมฝ้ายขิด ที่พักแนะนำ จ.อำนาจเริญ
โรงแรมมุกดาหาร แกรนด์โฮเทล ที่พักก่อนการเดินทาง
เราจะเดินทางข้ามด่านตรวจคนเข้าเมืองชายแดนลาวด้วยรถคันนี้ค่ะ จะส่งเราถึงแค่ด่านสะหวันเขต เท่านั้น
อยู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง มุกดาหาร
ทั้งคณะกำลังข้ามด่านมายังฝั่งลาว
ข้ามมาแล้วค่ะ บรรยากาศฝั่งลาวนะเนี่ย
เราต้องเปลียนรถมาเป็นคันนี้ เป็นรถจากเวียดนามนะค่ะ เพราะการเดินทางนี้ยาวนานหลายชั่วโมงทีเดียวต้องใช้คนขับมากประสบการและรถจากเวียดนามจะมีสภาพดีกว่ารถของประเทศลาวรถและคนขับมาจากเวียดนามกันเลยทีเดียว
แผนที่แนะนำการท่องเที่ยวของสะหวันเขต
ระหว่าทางพักกจอดรถแวะห้องน้ำ ก็เจอกับแม่ค้าไก่ย่าง น่ากินมากๆ ขายเท่าๆกับเมืองไทยค่ะ 25-35 บาท( อิอิก็เพิ่งข้ามมาได้ไม่ถึงร้อยกิโลนี่นา )
เวลามาเที่ยวฝั่งสะหวันเขต ที่ขาดไม่ได้เลยต้องแวะก็ต้องที่นี่นะค่ะ ตลาดดาวเรือง เป็นสินค้าปลอดภาษี
น้ำหอมมีทุกยีห้อ ของแท้นะค่ะ ราคาก็ประมาณ 1,000-5,000 บาท (เขารับเงินดอลล่าด้วยค่ะ)
โซนนี้ถูกใจคอเหล้า ถูกมากค่ะ อย่างพี่จอนห์ขวดใหญ่ที่ 7-11 ขายพันกว่าบาทที่นี่ปลอดภาษีราคาก็ประมาณ หกร้อย บาท
โซนไวน์ น่ากินมาก
อันนี้ก็บุหร่ยี่ห้อนี้ขายดีที่สุดแล้วมั้ง
นี่ก็เป็นร้านค้าระหว่างชายแดนลาวกับเวียดนาม นะค่ะ ส่วนใหญ่แล้วจะมีนักธุรกิจของไทยมาลงทุนขายสินค้าที่นี่ สินค้าส่วนใหญ่ก็เห็นๆ กันที่ประเทศไทย
ความจริงในห้างนี้เขาห้ามถ่ายรูปนะค่ะ แต่ปริมอ่านภาษาเวียดนามไม่ออกกดถ่ายรูปไป 1 รูปเจ้าหน้าที่ของเวียดนาม(ไม่พูดภาษาอังกฤษ) ตะโกนโวยวายเสียงดังมาก พอดีในคณะที่เราเดินทางกันทีพี่ ๆที่พูดเวียดนามได้และรู้จักกับเข้าของห้างนี้มาช่วยเคลียร์ให้ เลยรอดตัวไปค่ะ
สุดท้ายก็เลยรูปหมู่ในห้างนั้นซะเลย (แอบสะใจเล็ก ๆ) โดยคุณจำลอง (เสื้อขาวกางเกงยีนต์ตรงกลาง) คนที่ช่วยชีวิตปริมไว้ อิอิ
นี่ก็เป็นอีกความภูมิใจของคนไทยนะค่ะ เครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อ ซุปเปอร์ ฮอร์ส เป็นสินค้าคนไทย ไปตั้งโรงงานผลิตตีตลาดทั้วลาวและเวียดนามเลยทีเดียว
ลูกชายเจ้าของโรงงานหนึ่งในผู้บริการเครื่องดื่มตรา ซุปเปอร์ฮอร์ส คือคุณกอบเกียรติ (คนกลางเสื้้อแขนยาวสีดำ) บริษัท ชัยเจริญ เวียต-ลาว จำกัดอายุน้อยมากค่ะ (น้อยกว่าปริมหลายๆปีเลย คริคริ)
บรรยกาศสองข้างทางระหว่างการเดินทางจากลาวเข้าสู่เวียดนามค่ะ
และแล้วเราก็มาถึงแล้วเวียดนาม สังเกตุจากมีสาวๆ ปั่นจักรยานกันตามท้องถนน ซึ่งฟังจากไกด์นำเที่ยวแนะนำว่าประเทศเวียดนามเวลาเดินหรือปั่นจักรยานจะตั้งแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง คือจะเดินไปพร้อมกันๆ ดูจากสองสาวที่ปั่นจักรยานก็ได้ค่ะ ปั่นเรียงหน้ากระดานกันเลย การขับรถที่เวียดนามน่าหวาดเสียวมาก ๆ จะบีบแตรตลอดเส้นทางกฎของการขับรถที่นี่คือ ระวังข้างหน้าอย่างเดียว ไม่ต้องสนใจด้านข้างไม่ต้องสนใจด้านหลัง ทุกคนใส่ใจมองไปข้างหน้าและระวังหน้าอย่างเดียวเป็นพอ คนที่นั่งในรถลุ้นกันจนตัวโก่งตลอดเส้นทางเลย
ที่ด่านเวียดนามเราด่านทางด่านลาวบาว และเนี่ยคือ จังหวัดกวางบิน ประเทศเวียดนามมีบริเวณติดกับทะเลน่าอยู่มากค่ะ
ควายประเทศเวียดนาม ใครไม่เคยเห็นควาย ก็ดูนะค่ะ ควายสี่ตัว อิอิ
ห้องน้ำของเวียดนามจะเป็นประมาณนี้ละค่ะ จะดีหน่อยถ้าเป็นห้องน้ำในโรงแรมระดับห้าดาว เวลาฉี่ก็แล้วแต่สะดวกใจจะนั่งหน้าเข้าฝนังหรือนั่งหันหน้าออกมามองตาคนที่ยืนรอก็แล้วแต่สะดวกใจค่ะ นี่สะอาดสุดแล้วนะค่ะ ไกด์พยายามเลือกห้องน้ำที่ดีที่สุดในระหว่างทางให้แล้ว ฉนั้นถ้าใครไปเทียวเวียดนามก็อย่ากินน้ำเยอะละกัน ผู้ชายไม่ค่อยลำบากค่ะ ปล่อยกันข้างทางหรือตามพุ่มไม้ได้สบายเลย (ปริมก็แอบคิดแล้วเวลาปวดท้องหนักมาจะทำยังไงละเนี่ย)
บรรยากาศบ้านเรือนของเวียดนาม ที่นี่เขาจะมีกฎหมายกำหนดขนาดด้านหน้าของอาคารไว้นะค่ะ เท่าที่เห็นไม่มีหลังไหนกว้างเกินหกเมตรเลย ถ้ามีเงินเขาก็จะต่อเติมขึ้นข้างบนไปเรื่อยๆ เลยค่ะ และสีเขาจะทาแค่ข้างหน้านะ ด้านข้างไม่ทา เป็นแบบนี้เกือบทุกหลังเลยค่ะ
ร้านตัดผมที่เวียดนาม ก็มีวัยรุ่นมารวมตัวกันนะเออ (สังเกตุที่บ้านนะค่ะว่าสีทาแค่ข้างหน้าจริงๆนะ)
และแล้วเราก็มาถึงแล้วที่พัก Sun spa Resort เป็นโรงแรมระดับห้าดาว ตั้งอยู่ที่ จ.กวางบิน
บรรยากาศทะเลภายในรีสอร์ท สวยงามมากค่ะ แต่ตอนที่เราไปลมแรงมากเสียดายไม่ได้เล่นน้ำเลย ถ้าไปช่วงเดือนเมษายน คงได้เล่นน้ำสมใจถ้าใครอยากพาครอบครัวไปเที่ยวทะเลสวยๆ แนะนำที่นี่เลยค่ะ
สวยใช่ใหม๊ละค่ะ นี่บริเวณรีสอร์ท
มีสระว่ายน้ำไว้คอยบริการแขกที่เข้าพักพร้อมบาร์อยู่ด้านข้างสระน้ำกว้างๆๆมากค่ะ
นี่บริเวณภายที่ห้องพัก
ปริมได้ห้องพักชั่นล่างมีระเบียงเปิดออกไปรับลมนั่งจิบกาแฟได้สบายๆ
อาหารเช้าแบบบุตเฟต์ มีให้เลือกมากมาย
บริเวณหน้าหน้ารีสอร์ท
จากรีสอร์ทตอนเช้า เรามุ่งหน้าเดินทางต่อไปยัง ฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม ระหว่างทางต้องผ่านเมืองวินห์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของลุงโฮ (โฮจินมินต์) ภาพด้านบนคือทางด่านในประเทศเวียดนามค่ะ
ยาดองจ้า ยาดองเหล้า ใครสนใจมั่ง งู ทั้งนั้นเลย น่าจะมากกว่าสิบตัวนะเนี่ย ใครจะลองยกมือขึ้น
บริเวณอนุสาวรีย์ โฮจิมินต์
มาแล้วค่ะ อาหารมาแล้ว อาหารที่เวียดนามอร่อยมากๆ ถูกมากเพราะเขากินไม่ต่างจากเมืองไทยเท่าไหร่ ปลาหมึก กุ้งสดมากๆ และที่เวียดนามจะเน้นผักเป็นหลัก บนโต๊ะอาหารทีขาดไม่ได้คือจะมีมะนาวกับเกลือ คล้ายๆ ผงรสดีของบ้านเรานี่หละตั้งอยู่ทุกโต๊ะเลย สงสัยเหมือนพริกน้ำปลาบ้านเรานี่แหละ
และแล้วก็มาถึงที่พักที่ฮานอยซะทีนะค่ะ โรงแรม Melia Hanoi เป็นโรงแรมระดับห้าดาว สวยมาก พอไปถึงพนักงานต้อนรับรู้ว่าเราเป็นคนไทยบริการดีมาก เพราะว่าเจ้าของโรงแรมนี้คือคนไทย (ปริมก็ไม่ได้ถามต่อว่าเจ้าของชื่ออะไร) ภายในโรงแรมแยกเป็นโซนระหว่างสูบบุรีกับไม่สูบบุรีด้วย เลิศมากค่ะเรื่องความปลอดภัยก็ดีเยี่ยมเวลาจะเข้าพักชั้นไหนต้องใช้คีย์การ์ดเสียบก่อนถึงจะกดชั้นที่เราพักได้ ถ้าการ์ดนั้นไม่ตรงกับโซนที่เราพักลิฟต์ก็ไม่ทำงานค่ะ
ภายในห้ัองพัก
นี่เลย เห็นอะไรใหมค่ะ ในตู้เย็นของโรงแรม ชั้นบนสุดคือ Red Blue และมี 7up ซึ่งที่ประเทศไทยไม่มีขายแล้ว
ถ้าไปฮานอยแล้ว แนะนำร้านอาหารร้านนี้เป็นบุฟเฟต์ ของอร่อยมากๆ และของเยอะมากๆๆ ตกประมาณ 199 บาทต่อคนนะค่ะ
มีอาหารทั้งจีน ญี่ปุ่น ไทย (ส้มตำก็มีนะ) เยอะอะค่ะ บอกไม่ถูก
หลังจากกินข้าวกันจนอิ่มแปล้ ตอนนี้ได้เวลาท่องราตรีกัน จากหน้าโรงแรมเรารวมกลุ่มกันเดินไปเที่ยวสวนสาธารณะ ที่มีขนาดใหญ่มาก และบรรยากาศยามค่ำคืนที่แสนจะโรแมนติกค่ะ ดูจากภาพนะค่ะ
มีห้องน้ำไว้ค่อยบริการนักท่องเที่ยวด้วย ห้องน้ำน่ารักเชียวค่ะ
สามล้อประเทศเวียดนามคล้ายๆ กับของไทยนะค่ะ
และก็นี่ึคือสถานที่พักอีกแห่งหนึ่งที่ประเทศเวียดนาม แต่นี่คือจังหวัดฮาติน เขตติดต่อกับประเทศลาวอีกฟากหนึ่งของเวียดนามนะค่ะ ขาเข้ากับขาออกจากเวียดนามเรามาคนละเส้นทางกัน โรงแรมที่เราพักคือ BMC Ha Tinh Hotel ที่นี่จะมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ทีเดียวอยู่ด้านในด้วย ส่วนหนึ่งน่าจะมีออฟฟิตอยู่อีกฟากของตึกด้วยนะค่ะ ที่นี่มีบริการอินเตอร์เน็ตด้วยนะค่ะ เข้าได้ทุกเว็นยกเว้น Facebook และ MSN ถามพนักงานบอกว่าที่เวียดนามเขาห้ามเล่นเว็บไซต์ประเทศนี้ แต่เครื่องส่วนตัวน่าจะเล่นได้นะค่ะ ที่นี่ใช้ระบบ 3G แล้วนะค่ะปริมเช็คเมล์ผ่านมือถือเร็วปี้ดเลยค่ะ อ้อ ๆ ลืมๆ เล่า เวลาข้ามด่านมาที่เวียดนามก็จะมีพนักงานมาขายซิมการ์ดบนรถนะค่ะเป็นซิมแบบเติมเงินราคาก็ประมาณ 50,000 ดอง คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 70 บาท โดยที่ 670 ดองเท่ากับ 1 บาท ใช้โทรออกมาเมืองไทยตังส์ไม่พอแต่ว่าใช้เข้าอินเตอร์เน็ตได้ฟรีเลย ชอบตรงนี้แหละค่ะ
ภายในบริเวณห้องพัก แต่ว่าที่พักที่นี่ไม่แยกโซนสูบบุรีนะค่ะ ห้องนี้โคตรเหม็นบุรีเลย เหม็นจนปวดหัวนอนที่ไม่หลับเลยทั้งคืน กินยาพาราไป 4 เม็ดก็ไม่หายปวดเลย ห้องพักก็ดีมันเสียอีตรงเหม็นบุรีนี่หละค่ะ
อาหารเช้าของปริม กับวิวสูง ๆสวยๆ ชั้น 23 ค่ะเป็นห้องอาหาร
บริเวณล็อบบี้ของโรงแรม ตกแต่งได้อย่างน่ารักเลย
ล็อบบี้ค่ะ
มีบาร์ด้วยนะคะ กลางคืนตรงนี้คนเยอะมาก
สรุปที่มาทริปนี้ทั้งหมดก็เพื่อการนี้ละค่ะ มาเจรจาจับคู่ธุรกิจ กับนักธุรกิจชาวเวียดนาม บรรยากาศในระหว่างการเตรียมตัว
โฉมหน้าคนไทยทั้งหมดที่ไปในทริปนี้ค่ะ
สุดท้ายของทริปนี้ต้องขอขอบคุณ สำนักงานอุทธยานวิทยาศาสตร์ มหาวิยาลัยอุบลราชธานี ที่เป็นผู้ดูแล ฟาร์มเกษตร และได้พาปริมไปเจรจาการค้าที่ เวียดนามนะค่ะ ขาดไม่ได้เลยก็คือ หอการค้า จ.มุกดาหาร ม.ขอนแก่น สสว. ที่ได้จัดงานดีๆ ให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาศไปเปิดหูเปิดตาดูการค้าของต่างประเทศว่าเขาไปถึงไหนแล้วกัน
แล้วอย่าลืมนะคะ ยังไม่จบยังมีต่อภาคสอง ซึ่งปริมจะพาข้ามไปประเทศจีนกัน จะมาอัพเดพให้ดูกันอีกนะค่ะ สำหรับทริปเวียดนามนี้ บ้ายบายนะค่ะ
ติดต่อฟาร์มเกษตร หรือติดต่อปริมได้ที่ 089-4599003 หรือ www.farmkaset.org
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น