About Author

05 ธันวาคม 2554

ความแตกต่างของการยกร่องปลูกมันสำปะหลังแต่ละพันธุ์

มาแล้วค่ะ มาแล้ว สำหรับการอัพเดพข้อมูลการปลูกมันสำปะหลังของไร่ศิริจินดา จ. ราชบุรี ปริมเพิ่ง
เดินทางไปลงแปลงเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2554 นี่เองและไปคราวนี้ได้ผจญภัยไปกับเส้นทางด้วย เนื่องจากเส้นทางปกติที่ปริมเคยเดินทางจะเข้า กทม ก่อนแล้วออกไปพระราม 2 เข้านครปฐมเลย แต่เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมกรุงเทพคราวนี้ ทำให้แผนการเดินทางต้องเปลี่ยนไป ปริมต้องเดินทางผ่าน ลพบุรี ไปทางอ่างทอง เข้า สุพรรณ แล้วมานครปฐม แล้วค่อยเข้า จ. ราชบุรี ตลอดเส้นทางต้องลุ้นตลอด สนุกดีค่ะ ^__^ กำไรชีวิตจากการเดินทางจริงๆ

น้ำท่วมทุ่งไปหมดเลย  คริคริ มาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ คราวนี้ปริมเก็บข้อมูลมาฝากให้ดูกันอย่างจุใจ ทั้งในรูปแบบของวิดีโอ และรูปภาพกันเลยทีเดียว

การเจริญเติบโตของมันสำปะหลังเป็นไปอย่างงามมมมมมมมมมมากกกก เลยค่ะแต่ตอนนี้่สภาพอากาศทางจ.ราชบุรี ร้อนแห้งแล้งมาก ๆ ดินไม่มีความชื้นเลยต้องใช้ปุ๋ยน้ำช่วยชีวิตมันเอาไว้ เราตามมาดูภาพบรรยากาศภายในไร่กันเลยดีกว่าค่ะ

 ผ่านไป 3 เดือนย่างเดือนที่ 4 สูงกว่าปริมแล้วนะค่ะอากาศแห้งอย่างงี้ดูที่ใบมันสำปะหลังยังเขียวสดอยู่เลยเพราะทางไร่ฉีดปุ๋ยน้ำนาโนอะมิโน + บูตเตอร์ส้ม ตรานกอินทรีคู่ ทุกเดือนนะค่ะ


สูงดีใหม๊ค่ะ นี่สำปะหลังอายุ 4 เดือนเอง เอาไว้ให้อายุสัก 8 เดือนเรามาดูรูปกันอีกทีว่าเป็นยังไงนะค่ะ 

และก็นี่เลยเพื่อให้เห็นฟภาพชัดขึ้นไปดูในรูปแบบของวิดีโอกันดีกว่าค่ะ 



เป็นไงค่ะเต็มอิ่มกันใหมกับวิดีโอชุดนี้ เอาไว้คราวหน้าปริมจะมาอัพเดพข้อมูลให้ได้ดูกันอีกนะค่ะ สำหรับท่านใดที่สนใจปุ๋ยตรานกอินทรีคู่ และวิธีการปลูกมันสำปะหลังให้ได้ผลผลิตแบบนี้ โทรหาปริมได้เลย 089-4599003 หรือจะหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.Farmkaset.ORG นะค๊ะ

11 ตุลาคม 2554

การปลูกมันสำปะหลังแบบร่องคู่


หายไปนานเลยสำหรับการอัพเดพการปลูกมันสำปะหลังของไร่ศิริจินดา เนืื่องช่วงนี้ฟ้าฝนไม่เป็นใจเอาซะเลยค่ะ และแล้ววันนี้ก็ได้เวลาของการติดตามความคืบหน้าการเจริญเติบโตของมันสำปะหลังกันเลย 

วันนี้ปริมเก็บรวบรวมรูปตั้งแต่ก่อนปลูกจนถึงวันนี้บางแปลงมันสำปะหลังมีอายุถึง 5 เดือนแล้วนะคะ เพื่อให้เห็นภาพความแตกต่างตามปริมมาดูกันเลยดีกว่าค่ะ


 เห็นใหมค่ะทางเข้าไร่รูปแรก ดินยังโล่งๆอยู่เลย รูปนี้ปริมรวมรูปทางเข้าไร่มาให้ดูกันชัดๆ 



 แต่พอมาอีกที เห็นอะไรใหมนั่น อิอิ ป้ายห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต สงสัยพี่สิทธิเดช กลัวคนจะมาโขมยหัวมันสำปะหลังโตๆ แน่ๆ ใครอยากเข้าไปยกมือขึ้น และสองรูปล่างสุดนี่ก็เริ่มปลูกมันไปบ้างแล้วตอนปริมไปที่ไร่นี่แปลงนี้ปลูกได้ประมาณอาทิตย์หนึ่งค่ะ



ผ่านไป 3 เดือนเห็นอะไรใหม๊ค่ะ มันเจริญเติบโตดีมากๆ รูปแรกเป็นรูปรวมคนงานพม่าที่ทำงานในไร่ และรูปเดียวน้องตัน หัวหน้าคนงานพม่า ที่ช่วยพี่สิทธิเดชดูแลไร่มัน เห็นแบบนี้ชักอยากจะรู้แล้วละสิว่าหัวมันจะขนาดไหน แปลงแรกนี้ฉีดเฉพาะปุ๋ยน้ำนาโนอะมิโน+บูตเตอร์เงิน นะค่ะ ยังไม่ได้ฉีดปุ๋ยน้ำบูตเตอร์ส้มบำรุงหัวเลย 


 และก็นี่เลย อย่ารอช้ามาขุดดูหัวมันสำปะหลังกันเลยดีกว่า นี่มัน 3 เดือนเท่านั้นนะค่ะ หัวออกมาซะเวอร์เลยนะค้า 

 แปลงนี้ปริมภูมิใจเสนอเลยนะค่ะ เป็นแปลงแรกที่เราทำการทดลองการปลูกร่องคู่โดยการใช้ปุ๋ยครบสูตรตั้งแต่รองพื้นด้วยวันเดอร์เขียว เร่งการเจริญเติบโตด้วยเฟอร์เฟคเอส และจะใส่ปุ๋ยระเบิดหัวด้วยเฟอร์เฟคพี นี่ปริมเก็บรูปมาให้ดูตั้งแต่รถไถยกร่องปลูกแบบร่องคู่ มันเริ่มงอกได้ 1 เดือน และรูปสุดท้ายกำลังขนปุ๋ยเร่งต้นมาเตรียมใส่

 นี่กำลังทำรุ่นหญ้าพร้อมกับหว่านปุ๋ยและทำการกลบปุ๋ยด้วย เพราะว่าต้นมันยังไม่โตพอที่จะคลุมดินถ้าช่วงนี้หว่านปุ๋ยโดยไม่กลบปุ๋ยจะทำให้ปุ๋ยระเหยได้ง่ายโดยแดดเผาเสื่อมสภาพไปซะก่อนที่มันสำปะหลังจะได้กินปุ๋ย


 และนี่ภูมิใจเสนอตอนนี้มันร่องคู่แปลงนี้อายุได้ 3 เดือนแล้วค้า นี่ถ่ายมุมเดิมให้ดูเลยนะคะ เห็นป้ายเหลืองๆ ที่ปักอยู่นั่นใหมค่ะ ที่เดิมกับรูปตอนมันอายุได้ 1 เดือนเปี๊ยบเลย และมีวิดีโอให้ดูด้วยนะ คลิ๊กลิ้งค์นี้เพื่อ 

ดูวิดิโอ ตอนขุดดูหัวมันกันได้เลยว่าปริมไม่ได้โม้นะ นี่คือข้อดีของการยกร่องสูงทำให้มันหัวยาวมากมีพื้นที่ในการแทงหัวและจะโตได้อีกเยอะทีสำคัญเพราะได้ปุ๋ยรองพื้นทำให้มันมีอาหารกินทำให้หัวดกและยาวอย่างที่เห็นนี่ละค่ะ

 มาดูอีกแปลงกันดีกว่า รูปบนสุดยังเป็นป่าอยู่เลยนะค่ะ และต่อมาก็ไถด้วยผาน 3 ก่อนจะลงผาน 7 คนงานกำลังเก็บไม้ออกก่อนจะยกร่องปลูกต่อไป


 และแล้วก็ลงมือปลูกกันแล้ว แต่ว่าช่างโชคร้ายนะค่ะพอปลูกเสร็จฝนก็ทิ้งช่วงไปนานมากๆ กินแห้งแตกระแหงอย่างที่เห็นในรูปบนสุดทำให้มันงอกช้า มากๆ แปลงที่ปลูกก่อนหน้าแค่ 3 วันงอกครบทุกต้นแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าวันที่ปลูกถึงแม้ปลูกห่างกันแค่ 3 วันแต่ถ้าระยะเวลาและสภาพอากาศที่เหมาะสมก็ทำให้มันมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยนะ


 นี่มาดูกันค่ะ ไม่น่าเชื่อจากที่งอกช้านึกว่าจะไม่รอดแล้วใจหายหมดเลย กลายเป็นว่า 2 เดือนกับอีก 10 วันผ่านไปมันจะงามได้ขนาดนี้ นี่มันแค่ 70 วันเองนะค่ะ ดูหัวมันซะก่อน ดกมากๆ นับได้ไม่น่าต่ำกว่า 20 หัว สังเกตุว่ารูปที่ปริมเก็บมาให้ดูเป็นมุมเดียวกันเลยด้านหลังเป็นน้ำไม่ได้ไปเก็บหัวจากแปลงอื่นมาหรอกนะค่ะ อิอิ แปลงนี้ก็เป็นอีกแปลงที่ใส่ปุ๋ยตรานกอินทรีคู่เต็มสูตร ทั้งปุ๋ยน้ำและปุ๋ยเม็ด


 แปลงนี้อยู่ติดแคมป์ด้านบนสุดติดตีนเขาฉีดปุ๋ยน้ำอย่างเดียวตอนถ่ายอายุ 4 เดือนและตอนนี้แปลงนี้อายุได้ 5  เดือนแล้ว


 แปลงติดแคมป์ด้านล่าง ปริมเอามาให้ดูตั้งแต่ปลูกได้  2 เดือน การทำรุ่นหญ้า จนอายุได้ 4 เดือน


รูปรวมๆ ของแปลงติดแคมป์ แต่หัวมันที่เห็นปริมขุดดูตอนอายุได้ 3 เดือนนะค่ะ รูปล่างสุดที่เห็นป้ายกำกับแปลงลิบๆ โน่นแหละคะ 5 เดือนแล้วล่าสุดเลย


แปลงนี้ปริมเก็บไว้เปรียบเทียบนะค่ะ เพราะนี่ไม่ได้รองพื้นด้วยวันเดอร์เขียว และตัดท่อนพันธุ์สั้นพีสิทธิเดชปลูกก่อนที่ปริมจะเข้าไปดูไร่ ตอนนีั้ฉีดปุ๋ยน้ำนาโนอะมิโนเร่งต้นให้มันหนีหญ้าไปก่อน เพราะหญ้าขึ้นรกมากๆ ต้องระดมคนงานมาทำรุ่นหญ้าอย่างที่เห็นในรูปซ้ายล่างค่ะ


และมาดูความต่างกันตอนนี้อายุ 5 เดือนกำลังจะใส่ปุ๋ยระเบิดหัวมันสำปะหลังด้วยเฟอร์เฟคพี เห็นกระสอบปุ๋ยที่วางเรียงรายอยู่น่านใหมค่ะ นั่นคือปุ๋ยที่จะหว่านในวันนี้ละค่ะ ภาพบนซ้ายนั่นปริมขุดดูหัวตอน 3 เดือนหัวยังเล็กๆ อยู่เลย เนืองจากองค์ประกอบหลายอย่างนะค่ะ เช่นหญ้าเยอะ และไม่ได้ใส่ปุ๋ยรองพื้น แต่ก็มีต้นใหญ่ต้นเล็กแซมๆ กันไป


เห็นที่เสาไฟฟ้าลิบๆโน่นใหมค่ะ กำลังปลูกใหม่เพิ่มอีก 200 ไร่ฝนตกหนักเมื่อคืนท่านผ่านมารถก็ลงไปไมได้ปริมเลยไม่ได้ลงไปเก็บรูปมาให้ดู เอาไว้เดือนหน้าปริมไปอีกจะเก็บรูปแปลงนี้มาฝากค่ะ และที่ไร่ศิริจิดนจะมีมันสำปะหลังตั้งแต่เริ่มปลูก 1 เดือน จนถึง 6 เดือน เพราะปลูกไล่เดือนไปเดือนละ 200 ไร่เริ่มปลูกตั้งแต่เดือน พ.ค. 54 ไล่มาเรื่อยๆ เลยค่ะ


โกดังเก็บปุ๋ยแคมป์คนงาน ด้านล่างซ้ายปริมถ่ายกับลุงทองทีมงานเปิดป่า อยู่กับแมคโครคันนี้ละคะ พอดีช่วงนี้ฝนตกหนักลงไม่ได้รถติดหล่มเลยต้องพักรถมารวมกันที่แคมป์อย่างที่เห็นนี่ละค่ะ

ที่ไร่คนงานต้องทำได้ทุกอย่าง ทั้งขับทั้งซ่อม ที่เห็นในรูปคือแบตเตอรี่เอาไว้ปั่นไฟ พี่คนขับรถไถกำลังซ่อมแซมรถไถด้วยตู้เชื่อมขนาดเล็กอยู่ค่ะ (ที่นี่ไม่มีไฟฟ้า)

จบแล้วนะค่ะสำหรับวันนี้ ปริมจะไปเก็บรูปมาอัพเดพให้ได้ชมอีกทีเดือนหน้าประมาณวันที่ 7-9 พ.ย. 54 สำหรับวันนี้ปริมไปละนะค่ะบ๊ายบายค่ะ

สนใจข้อมูลการปลูกมันสำปะหลังติดต่อได้ที่ ปริม ปิยะมาศ โทร 089-4599003 หรือ www.FarmKase.ORG นะค่ะ

25 กันยายน 2554

แนะนำสถานที่เที่ยว เมืองหนานหนิง ประเทศจีน

มาแล้วค่ะภาคต่อของแนะนำสถานที่เที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน คราวที่แล้วแนะนำประเทศ ลาว และเวียดนามไปแล้ว มาต่อกันที่ประเทศจีนกันเลย ถ้าพูดถึงประเทศจีนที่น่าเที่ยวมีตั้งมากมาย ปริมมีโอกาสได้ไปที่หนานหนิง ซึ่งเป็นเมืองแฝดของ จ. ขอนแก่น เป็นย่านที่เป็นจุดศูนย์กลางของสินค้าเกษตร ข้าวสารที่นี่มีราคาสูงมาก ข้าวสารขึ้นห้างราคาประมาณ 80 บาทต่อกิโลกรัม อัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวน เท่ากับ 5 บาท นะค่ะ ตามมาดูรูปการเดินทางครั้งนี้ของปริมกันดีกว่าค่ะ 


เริ่มต้นการเดินทางจากเวียดนาม เข้าสู่จีนด้วยถนนเส้น ลางเซิง เป็นเขตที่ติดต่อกับประเทศจีน เราจะเข้าสู่จีนทางด่านโยว่ยี่กว่านเข้าสู่เมืองผิงเฉียง 


 ตรงนี้คือชายแดนเวียดนาม-จีน ด่าน โยว์ยี่กว่าน ค่อนข้างเจริญนะค่ะ ห้องน้ำห้องท่าก็สะอาด


บริเวณชายแดนเวียดนาม-จีน ตอนนี้กะลังรอรถมารับเพื่อข้ามด่านกัน


เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ทรมาณกันทีเดียวของคณะร่วมเดินทางของกลุ่ม ASEAN SME เพราะว่าต่างคนต่างเตรียมชุดกันหนาวกันเไปเพียบ ถุงมือถุงเท้า แต่ละคนจัดเต็มกันเลยทีเดียว แต่พอไปถึงประเทศจีนแล้ว โอ้ยแม่เจ้า โคตรร้อนเลยค่ะ ดูจากสภาพรูปเป็นหลักฐานกันเลยค่ะ แดดร้อนมาก ๆ ต่างคนต่างหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ๆ (ข้างในได้ข่าวว่ามีแต่ชุดกันหนาว) ยืนรอรถด้วยความทรมาน 

คณะร่วมเดินทางในครั้งนี้เป็นนักธุรกิจมาจากหลายจังหวัด ทั้ง ขอนแก่น, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี , อำนาจเจริญ, ยโสธร,ร้อยเอ็ด  และมุกดาหาร  



มาแล้วค่ะ รถรับส่ง เรียงแถวกันมาเลย หลังจากที่รอมานาน รถน่ารักมากๆ


รถรับส่งคันเล็กแบบนี้ละค่ะ


เวลาข้ามไปจีน ต้องยกหน้าที่มีวีซ่า ให้เห็นให้ชัดเจนแบบที่เห็นในรูปนี่ละค่ะ (เสื้อขาวด้านหลังปริมนะค่ะ) เจ้าหน้าที่ประจำด่านที่นี่เข้มงวดมาก ไม่ยิ้ม ไม่เล่น ดูน่าเกรงขามมาก เรายิ้มให้เขาก็ไม่ยิ้มตอบด้วยแหละ (น่ากลัว) อิอิ 


ข้ามมาแล้วค่ะ ออกมาจากตึกด้านหลัง เห็นลิบๆ โน่นนะค่ะ พอข้ามเขตเข้าสู่ประเทศจีน ก็จะมีรถแทกซี่ไว้คอยบริการเป็นแถวแบบนี้ละค่ะ 


เริ่มเดินทางจากเมืองผิงเฉียง ตลอดสองข้างทางของจีนบนเขาปลูกพืชแบบขั้นบันได ตลอดเส้นทางเลย


 มองเห็นเส้นขาว ๆ หลายๆเส้นหรือเปล่าค่ะ นั่นคือ เส้นลวดสะลิง เอาไว้ดึงรอกขนส่งผลไม้ บนเขานั้นจะปลูกผลไม้พวกน้อยหน่า ส้ม และอื่นๆ ไว้ เวลาเก็บก็จะส่งสงมาทางลวดสะลิงนี้ละค่ะ


มาถึงแล้วทางด่วนประเทศจีนไกล์เล่าให้ฟังว่า คนเก็บเงินค่าทางด่วนของประเทศจีนสวยที่สุดในโลก เนื่องจากว่าเขาต้องการให้คนที่ขึ้นทางด่วนมีความสุข เห็นอะไรสวยๆ งามๆ จะได้ขับรถอย่างปลอดภัย


ไกด์ประเทศจีน กับ เฮียรัตน์ ร้านผ้าฝ้ายแคมป์ อุบลราชธานี


 พอมาถึงจีน ผลไม้น่ากินมากๆ มีขายทั่วไปตามท้องถนนเลยค่ะ 


 ได้เวลากินข้าวแล้วค่ะ จำชื่อภัตตาคารนี้ไม่ได้ อาหารใช้ได้ทีเดียวแต่ว่า เสียงดังมากกกกกกกก ทั้งคนคุยกันทั้งเสียงคนกินข้าว ไม่อยากบรรยายเลยค่ะ



 ข้าวสวยที่นี่อร่อยมากๆค่ะ เหนียวนุ่ม 


บรรยากาศของเมืองหนานหนิง ประเทศจีน ตึกใหญ่ๆ สูงมาก เมืองนี้เขาสามารถสร้างตึกสูงกว่า 30 ชั้นได้เสร็จภายในเวลาไม่ถึงเดือนค่ะ


เข้าสู่เขตจีน จะเห็นตึกสูง และสิงห์โต ตัวใหญ่ๆ อยู่หน้าตึก




ที่หนานหนิงนี้ เพิ่งมีการจัดงาน China - ASEAN Expro เสร็จไปสด ๆร้อนๆ เลย


ด้านหน้าทางเข้าจัดไว้อย่างสวยงาม 


ที่เมืองหนานหนิงนี้ มีศูนย์ประสานงานนักธุรกิจไทย-จีน ประจำนครหนานหนิง ด้วยนะค่ะหากใครสนใจอยากไปลงทุนทำธุรกิจที่นี่สามารถเข้าไปติดต่อทางศูนย์เพื่อขอความช่วยเหลือและช่วยแนะนำการทำธุรกิจได้ หากใครสนใจประสานงานผ่านพาณิชย์จังหวัดได้ หรือหอการค้าจังหวัดได้นะคะ หรือติดต่อโดยตรงที่ ศูนย์ธุรกิจไทย-จีน ประจำนครหนานหนิง ใครสนใจขอรายละเอียดโทรหลังไมค์หาปริมได้   เดี๋ยวจะให้เบอร์โทรติดต่อไปค่ะ


จิตรกรกำลังวาดรูปลงบนผนังซึ่งยังไม่เสร็จดีเลยค่ะ


ตกกลางคืนได้เวลาเที่ยว อิอิ (ชอบเวลานี้หละ) ที่หนานหนิงนี่เป็นเมืองแชฟั่นเลยหละค่ะ วันรุ่นที่นี่แต่งตัววกันล้ำสมัยมากๆ  จะมีตึกที่ขายเสื้อผ้าแบบเก๋ๆ คล้ายๆ แพทตินั่น บ้านเรานั่นแหละค่ะ จะมีโซนที่ขายสินค้าแบรนดังๆ เหมือน เอ็มโพเรี่ยม ด้วย เป็น  Shopping Center ว่างั้นเถอะ เสื้อผ้าสวยๆ ถูกมากค่ะ ปริมเองก็สอยมาหลายชุดหมดไปหลายบาทเหมือนกัน


แต่ละตึกเปิดไฟสว่างไสว 

เปิดไฟประดับตึกได้อย่างสวยงาม 


ตรงนี้ปริมไม่แน่ใจนะค่ะว่าใช่พิพิธภัณฑ์ ช้างสามเศียร หรือเปล่า มัวแต่ห่วงถ่ายรูปไม่ได้ฟังไกด์บรรยายเลยค่ะ


ยอดโดมของงาน China - ASEAN ExPro จัดได้อย่างสวยงาม 


ตรงนี้คือห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ของจีน มีครบทุกอย่างใครจะซื้อของฝาก พวกยาจีน ก็หาซื้อได้ที่นี่ละค่ะ

ระหว่างยืนรอรวมกลุ่มกันทั้งคณะ 


อาหารจานนี้ปริมเก็บมาฝากค่ะ เป็นมะเขืออะ รดชาด แบบว่า อืม ๆมันมากๆ โซนนี้จะเป็นตลาดกลางคืนที่ใหญ่มาก มีอาหารทุกประเภท มีจระเข้เป็นตัว ๆ เต่า เป็นตัวๆ พวกอาหารเปิบพิศดารทั้งหลายแหล่ มากินได้ที่นี่ละค่ะ หั่นให้เห็นกันจะๆ เป็ดไก่ สุนัขก็ขังไว้ในกรงให้ชี้เอาเป็นตัวๆ กันเลย (ปริมขอไปทีเดียวพอนะค่ะตลาดสดแห่งนี้ ) แต่ที่นี่เกาลัดถูกมากๆ กิโลละ 20 บาท ปริมซื้อกลับมากินที่ไทยหลายกิโลเลย

ที่พักของเราที่หนานหนิงค่ะ โรงแรม The Majestic ระดับห้าดาว

บรรยากาศข้างใน 


บอกแล้วว่าที่ขาดไม่ได้คือ สิงห์โต ตัวใหญ่ ๆ หน้าโรงแรม


และนี่ืคือบริษัท ฮาซาน และไฮโปรเลียน เป็นศูนย์การค้ารวบรวมแหล่งซื้อขายสินค้าทุกชนิด มาไว้ที่นี่ ใครใคร่ค้า ก็ ค้า ใครใคร่ซื้อ ก็ ซื้อได้ที่นี่ที่เดียวจบเลยค่ะ


ที่เราเห็นอยู่เป็น Model ของตึกจำลองลงมาเพื่อให้ง่ายต่อการจองโครงการ 


ความจริงแล้วที่มาจีนในครั้งนี้ก็คือ การมา Business Metching นี่เองค่ะ 



บรรยากาศในงานคึกคักมาก นักธุรกิจของจีนให้ความสนใจมาเจรจาการค้ากับนักธุรกิจไทยเยอะมากๆ


ปริมนำสารกำจัดหนอนที่ใช้กับผักไป Matching ก็ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจชาวจีนเป็นอย่างมาก จนล่ามแปลให้ไม่ทัน โชคดีปริมได้รับความช่วยเหลือจากเฮีย พูนศักดิ์ หอการค้าจังหวัดร้อยเอ็ด เจ้าของนิวเรืองกรุ๊ป มาช่วยฟังภาษาจีนและแปลเป็นภาษาไทยให้ (คนจีนกลุ่มที่ปริมดิวด้วยไม่ใช้ภาษาอังกฤษ) ต้องขอบคุณเฮียพูนศักดิ์ จริงๆ 


โต๊ะนี้ เป็นการเจรจาเกี่ยวกับปุ๋ยค่ะ 


และรู้สึกโต๊ะนี้จะคึกคักเป็นพิเศษ เห็นหน้าคุณแม่วรลักษณ์ แสดงว่าโต๊ะนี้เจรจาเกี่ยวกับผลไม้และอาหาร  คึกคักน่าดูเลย 

 สุดท้าย ที่หนานหนิงนิยมใช้รถจักรยนต์และจักรยานยนต์ไฟฟ้ากันนะค่ะ สังเกตุจากที่จอดเรียงๆ กันนั้นเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมดเลย (เป็นจักรยานก็ได้เมื่อยขาก็เปลี่ยนเป็นจักรยานยนต์)

สุดท้ายจริงๆ ทั้งคณะถ่ายรูปรวมกันในระหว่างเดินทางกลับอาจจะขาดไปบางท่านที่วิ่งมาถ่ายไม่ทัน อิอิ อันนี้จอดถ่ายกันข้างทาง วิวด้านหลังอาจจะไม่สวยนะค่ะ 

และก็จบสำหรับทริปการเดินทาง 3 ประเทศนี้ นะค่ะ คราวหน้าปริมจะมาอัพเดพเรื่องการปลูกมันสำปะหลังต่อ (มันเกี่ยวกันหรือเปล่ากับทริปนี้ ) 

มีข้อสงสัยด้านการเกษตร เข้าเยี่ยมชมได้ที่ www.farmkaset.org หรือโทรหาปริมได้ที่ 089-4599003 นะค่ะ วันนี้ไปละนะค่ะ บายค่า