ด้วยเหตุนี้ปริมจึงมีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมไร่ ศิริจินดา เพื่อสำรวจแปลงปลูก และเตรียมความพร้อมในเรื่องวิธีการปลูกมันสำปะหลัง โดยเริ่มต้นในปี้นี้สำหรับ phase แรกจำนวน 1,000 ไร่และใช้สินค้า ตรานกทรีคู่ ทั้งหมด ตั้งแต่ก่อนปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวกันเลยทีเดียว
ในขณะเดียวกันก่อนที่จะเดินทางไปลงไร่ ก็ได้รับความอนุเคราะห์จากคุณสิทธิเดช ให้เขาพักที่ ปทุมวดี รีสอร์ท ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณ เดียวกันกับสนามมวยบ้านกลาง
ตามมาดูรูปภาพการทำงานของเราในครั้งนี้กันค่ะ
เริ่มจากแผนที่พัก ที่เข้าพักในการเดินทางครั้งนี้ค่ะ ปทุมวดี รีสอร์ท ตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกับ สนามมวยบ้านกลาง
ถึงแล้วค่ะ บ้านมวยไทย สถานที่สอนมวยไทย ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ
มีคนมาเที่ยวที่นี่เยอะพอสมควร ดูจากจำนวนรถที่จอดนะค่ะ
ทางเข้าสนามมวยบ้านกลางค่ะ
ที่พักภายใน ปทุมวดี รีสอร์ท จัดได้น่ารักมากๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากได้นอนเต็มอื่นกันแล้ว เริ่มออกเดินทางมาไร่กัน นี่คือทางเข้าไร่ พื้นที่ทั้งหมด เริ่มจากตรงนี้เข้าไปด้านในเนื้อที่ทั้งหมด 4,000 ไร่ค่ะ
มันสำปะหลังบางส่วนได้ปลูกไปแล้วนะค่ะ สังเกตุจากสองข้างทาง ใช้การปลูกแบบวิถีชาวบ้าน แบบเดิม ๆ คือตัดสั้น ปลูกถี่
ด้านข้างของไร่ มีคลองส่งน้ำผ่านตลอดแบบนี้ละค่ะ
นี่โรงเก็บรถ และ เครื่องมือต่างๆ
บริเวณ บ้านพักคนงาน ให้อยู่กันเป็นหลังๆ แบบนี้
โรงเก็บรถ และเครื่องมือ สร้างไว้ใหญ่โตทีเดียวค่ะ
วันนี้ปริมเดินทางมาไร่พร้อมกับคุณสิทธิเดช ด้วยรถคันนี้ค่ะ (Alphard) เกือบทำประตูรถพี่เค้าพัง มันเลื่อนอัตโนมัติ แต่ปริมดันใจร้อน ดึงมันแรง ๆก่อนทุกทีเลย
เริ่มเข้าสู่บริเวณไร่ อันกว้างใหญ่ มองเห็นเขาเป็นลูก ๆ แบบนี้ละค่ะ
ที่ด้านหลังติดน้ำ แบบนี้ละค่ะ เป็นที่ ที่สุดยอดจริงๆ เวลาปลูกมันสำปะหลังแล้ว สามารถใช้น้ำบริเวณนี้ได้เลย
ทุก ๆ 100 เมตร จะมีถนนตัดเข้าไปแบบนี้ และดินบริเวณนี้ดีมาก เป็นดินร่วนปนทราย เหมาะกับมันสำปะหลังมากค่ะ
ด้านนี้กำลังปรับดิน ยังไม่ได้ไถอะไรเลย
นี่ก็เหมือนกันค่ะ ปรับดินกันอยู่
นี่ทดสอบการไถดินบริเวณนี้ ตรงนี้ลงผาน 3 ไปรอบหนึ่งแล้ว รอเอาผาน 7 ตีและยกร่องปลูกได้เลย
ดินโซนนี้มีหินลูกรังปนอยู่เยอะพอควร แต่ไม่เป็นไรปรับได้ค่ะ ไถให้ลึก ยกร่องให้สุง คงพอช่วยตอนมันลงหัวได้บ้าง
ทดสอบการไถดิน ดูกันทุกแปลงกันเลยทีเดียวค่ะ จะได้ทราบสภาพดินแต่ละแปลงว่าเป็นยังไงบ้าง
แปลงนี้ยกร่องไว้แล้ว รอปลูก แต่ยกร่องเล็กไปค่ะ เป็นอุปสรรคต่อการทำรุ่นหญ้าแน่นอน ต้องทำร่องใหญ่และกว้างกว่านี้ แต่ดินดำดีมาก ค่า PH 6.3
ทั้งรถไถและแมกโครทำงานกันอย่างหนัก เพื่อจะเตรียมแปลงปลูกให้ทันในเดือน ก.ค.
ด้านนี้ก็มีรถอีกคัน ทำหน้าที่ถากถางต้นไม้ ออกจากแปลง
นี่เป็นมันสำปะหลังที่ได้ปลูกไปแล้วด้วยวิธีการแบบเดิมๆ ที่เคยทำต่อ ๆกันมา อายุเกือบเดือนแล้วค่ะ ต้นยังไม่สูงมากนักเนื่องจากตัดต้นพันธุ์สั้น
แปลงมันที่ปลูกไปแล้ว จะใช้ปุ๋ยน้ำตรา นกอินทรีคู่เหล่านี้ละค่ะ ฉีดพ่นทางใบ ให้โตกว่าที่เห็นในรูปด้านบน จะได้โตหนีหญ้าได้ ไม่งั้นถ้าปล่อยให้หญ้าขึ้นท่วม แย่แน่ค่ะ
ดินเป็นลูกรัง และแข็งมาก นี่พันธุ์ห้วยบง 60 หญ้าขึ้นจะสูงกว่ามันแล้วค่ะ
ส่วนนี่เป็นไร่มันที่มีชาวบ้านมาเช่าที่ปลูกมันสำปะหลัง ต้นใหญ่ใช้ได้เลย ชาวบ้านบอกว่าดินแถวนี้ปลูกเล่นๆ ก็ได้ 5-6 ตันต่อไร่แล้วนะค่ะ เราไปทำจะได้กี่ตันต่อไร่ ต้องรอดูกันค่ะ เป้าหมายของเราครั้งนี้ ประมาณ15 ตันต่อไร่ สู้โว้ย (ปริมบอกตัวเองค่ะ คริคริ) แต่ต้องขึ้นอยู่กับการบริหารและจัดการแปลงต่อจากนี้ละค่ะ
และนี่ไร่สับปะรด ที่คุณสิทธิเดช ดูแลอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว จำนวน 600 ไร่ค่ะ ห่างจากไร่มันสำปะหลังประมาณ 10 กิโลเมตร
ขึ้นมาอยู่บนเขา มองลงไปวิวสวยมาก และอากาศดีจริงๆ ด้านล่างนั้นเป็นไร่สัปะรดทั้งหมดนะค่ะ
นี่ออกลูกแล้วนะ แต่ยังเล็กอยู่ น่าเสียดายยังไม่โต ไม่งั้นจะขอพี่เค้า เอากลับบ้านไปฝากแม่สักเข่ง
แหม สั่งงานคนงานอย่างขมักเขม้นเชียว
ไร่สับปะรดนี้ มีเครื่องมือพร้อม เพราะทำมาก่อนมันสำปะหลังค่ะ ตรงนี้เป็นโรงเก็บเครื่องมือค่ะ
จบการเดินทางในทริปนี้ ด้วยข้าวเย็นแสนอร่อย ที่คุณสิทธิเดช เป็นเจ้ามือพาไปเลี้ยงแถวข้าวแถว อ. นครไชยศรี ก่อนเดินทางเข้าปทุมธานี พักที ปทุมวดี รีสอร์ท อีกที ก่อนรุ่งเช้าเดินทางมาโคราช แวะไร่ปรินซโตน ลูกค้าอีกราย ซึ่งดูได้ในบทความก่อนหน้าที่อัพเดพไปแล้วนะค่ะ ก่อนเดินทางกลับถึงอำนาจเจริญเกือบเที่ยงคืน
และวันที่ 8 ก.ค. นี้จะเริ่มลงมือปลูกมันสำปะหลังด้วยวิธีการแบบใหม่ ตามคำแนะนำด้านวิชาการจากฟาร์มเกษตร ยังไงปริมจะเก็บภาพมาอัพเดพให้ดูกันอีกครั้งหลังปลูกเสร็จนะค่ะ หากสนใจเรื่องการปลูกมันโทรปรึกษาปริมได้ที่ 089-4599003 หรืออีเมล์มาก็ได้ค่ะ farmkaset@gmail.com